สติกเกอร์ที่เราๆใช้กันอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วไป เช่นสำหรับ อาหาร, ห้องเย็น, ป้ายราคาห้างสรรพสินค้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องสำอาง, ยา, โรงพยาบาล, ของเล่น, ยานยนต์, อะไหล่, ติดขวดน้ำมันเครื่อง, ขวดแชมพู, สินค้าอุปโภคบริโภค, ป้ายโฆษณา,สำนักงาน, ดังนั้นเราควรเลือกสติกเกอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน สำหรับงานพิมพ์ฉลากสติกเกอร์มีวิธีเลือกวัสดุ ง่ายๆ ดังนี้ 1. สามารถเลือกใช้สติกเกอร์ โดยดูจากวัสดุที่ติด ผิวของวัสดุ การกันน้ำ ทนแดด ทนต่อสภาวะแวดล้อม เช่น ตากฝน ตากแดด หรืออยู่ในร่ม เป็นต้น สติกเกอร์ขาวด้าน และกึ่งเงากึ่งด้าน เหมาะสำหรับเขียนทับ หรือพิมพ์ทับด้วยพริ้นเตอร์ ไม่ทนต่อสัมผัสน้ำ สติ๊กเกอร์ขาวเงา เหมาะสำหรับติดบนวัสดุทีเรียบแบน เคลือบให้เงาหรือด้านได้ ติดบนผิวกระดาษหรือพลาสติก แต่อาจหลุดล่อนได้เมื่อสัมผัสน้ำโดยตรง สติกเกอร์พีวีซี (PVC) มีทั้งแบบใสและขาวขุ่น เหมาะสำหรับติดกลางแจ้ง ติดบนโลหะได้ดี ไม่หลุดเมื่อแช่อยู่ในน้ำ สติกเกอร์ พีพี (PP) มีทั้งแบบใสและขาวขุ่น เหมาะสำหรับติดบนฉลากสินค้าผิวเป็นพลาสติกหรือแก้ว แต่ผิววัสดุควรเรียบแบน หรือโค้งได้เล็กน้อยเนื่องจากสามารถให้ตัวได้เล็กน้อย เช่นติดบนขวดยา ขวดแชมพู ขวดแก้ว สติกเกอร์ พีอี (PE) ยืดหยุ่นได้ดีกว่า PP เช่นติดบนผิวโค้งคล้ายลูกบอลได้, กดบีบได้บนหลอดโฟม เป็นต้น 2. เลือกสติกเกอร์ตามความเหนียวของกาว ตัวอย่างเช่น กาวเหนียวธรรมดา ติดถุงขนม ติดกระดาษ กาวเหนียวพิเศษ ติดบนพลาสติก แก้ว ไม้เหล็ก เป็นต้น สติกเกอร์รีมูฟ ติดบนกระจก กาวที่ติดแล้วสามารถลอกออกจากวัสดุโดยไม่ทำให้วัสดุที่ถูกติดไม่ทิ้งคราบกาว เป็นต้น สติกเกอร์สุญญากาศ ใช้ติดกระจก โดยไม่ใช้กาวใช้สุญญากาศให้ดูดติดกระจก ทำให้ไม่ทิ้งกาวเวลาลอกออก ดังนั้นควรเลือกประเภทสติกเกอร์ ได้จากของผิววัสดุที่ติด ความโค้งของผิวที่ติด การสัมผัสน้ำ การสัมผัส ความร้อน ความเย็น ชนิดของกาวละลายน้ำหรือไม่ละลายน้ำซึ่งจะมีผลต่อความสามารถในการยึดติดของ สติกเกอร์ ขนาด ตามต้องการ (ใหญ่สุดไม่เกิน 52x69 ซม.) ระบบพิมพ์ ระบบออฟเซท, ซิลสกรีน สามารถพิมพ์ ตั้งแต่ 1-4สี หรือตามต้องการ เทคนิคพิมพ์พิศษ อาจมีเทคนิคหลังพิมพ์เพี่มความสวยงานและหน้าสนใจ เช่น การเคลือบ UV,Spot UV, เคลือบพลาสติกเงา และเคลือบพลาสติกด้าน เพื่อความคงทนต่อการฉีกขาด และต่อการเปียกน้ำ ปั๊มทอง(Hot Stamp), ส่วนมากใช้กับตัวอักษร ตรา โลโก้